ประวัติ ของ ศรีวิไจย (โข้)

ศรีวิไจย (โข้) มีชื่อเดิมว่า โข้ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2400 ณ บ้านสีลอ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เป็นบุตรคนที่ 4 ของเจ้าน้อยเทพ และนางแก้ว เทพยศ ชาวบ้านมักจะเรียกท่านว่า ศรีวิไจยโข้ บางทีก็เรียกว่า พ่อต๋า ภรรยาคนแรก ชื่อ นางตุ่น มีบุตร 2 คน ชีวิตวัยเด็ก ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ 4 – 5 พรรษา ณ วัดศรีบุญเรือง จังหวัดแพร่หลังจากนั้นลาสิกขาบทออกมา แล้วได้แต่งกาพย์ธรรมะ ซึ่งพรรณนาถึงความทุกข์ของคน ชื่อว่า “กาพย์ฮ่ำตุ๊ก” แต่เดิมท่านประกอบอาชีพค้าจนกระทั่งภรรยาคนแรกเสียชีวิตลง จึงได้นำบุตรชายไปฝากพี่สาวอุปการระ ส่วนตัวเองเดินทางไปค้าขายที่จังหวัดน่าน กระทั่งล้มป่วยด้วยกามโรค จึงกลับมาอยู่จังหวัดแพร่ แล้วต่อมานัยน์ตาท่านก็บอด เมื่ออายุ 25 ปี ชีวิตต่อจากนั้น ท่านได้รับจ้างเขียนค่าว – ฮ่ำ อย่างเดียว แต่ปัญหาผู้ว่าจ้างท่าเขียนค่าว – ฮ่ำ ต้องนั่งจดตามคำบอก จึงทำให้ผู้อยากได้บทกวีแต่ไม่มีเวลาต้องเสียโอกาส ท่านศรีวิไจย (โข้) จึงได้ภรรยามาเป็นคู่ชีวิต คู่ทุกข์คู่ยากของท่านคนหนึ่งชื่อ จันทร์สม เป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาไม่เลวนักและคุณสมบัติอันประเสิรฐยิ่งยากที่จะหาได้ในสตรีสมัยนั้นก็คือ จันทร์สมผู้นี้เป็นคนมีความรู้ในทางเขียนอ่านคล่องแคล่วเป็นพิเศษสามารถถ่ายทอดบทกวีที่กลั่นกรองจากสมองของท่านจอมกวีออกมาเป็นตัวอักษร ทั้งเจ้าหล่อนก็คงจะเป็นคนหนึ่งซึ่งซาบซึ้งในมธุรสพจน์ประพันธ์ของท่านกวีศรีวิไจยโข้ศรีวิไจย โข้เป็นผู้มีปฏิภาณไหวพริบในการแต่งค่าว เมื่อแต่งงานกับนางจันทร์สมได้ให้นางสมเป็นเสมียนจดคำประพันธ์ตามคำบอก หลังจากที่นางจันทร์สม ภรรยาศรีวิไจยโข้ ถึงแก่กรรมท่านก็ไม่ได้แต่งค่าวใดๆอีก และได้อาศัยอยู่กับลูก ๆ หลาน ๆ ต่อมาจนวาระสุดท้าย ท่านก็ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2472 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณ 5 ปี สิริรวมอายุได้ 72 ปี ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์ของท่านอยู่ที่วัดศรีบุญเรือง จังหวัดแพร่